ประสิทธิภาพผลของตำรับยาแก้มุตกิด
หลักการและเหตุผล
ปัจจุบันมีสตรีจำนวนมากที่มีปัญหาเรื่องอาการตกขาว(Leukorrhea) ซึ่งเปรียบเทียบอาการคล้ายกับอาการโรคมุตกิดในหลักของการแพทย์แผนไทย กล่าวคือระบบสืบพันธุ์เพสหญิงมีปัญหา ตกขาวมีกลิ่นเหม็น มีเลือดปน หรือตกขาวปริมาณมาก และถ้าปล่อยไว้เป็นระยะเวลานานโดยไม่ได้รับการรักษา อาจเป็นสาเหตุหนึ่งของมะเร็งในระบบสืบพันธุ์หญิงได้ในอนาคต ดังนั้นจึงจำเป็นต้องมีการศึกาาวิจัยตำรับยาสมุนไพรที่มีสรรพคุณรักษาอาการดังกล่าว การเลือกตำรับยาสมุนไพรรักษาโรคมุตกิจจากตำรายาพฤฒาแถลง ของพระยาเกษตร หิรัญรักษ์ พ.ศ.2464 เนื่องจากยาตำรับนี้มีเภสัชวัตถุส่วนประกอบจำนวนน้อยชนิดหาได้ง่ายในท้องถิ่นและมีความปลอดภัย(อาการตกขาว คือ อาการของโรคเกิดแก่หญิง มักจะมีระดูขาว เบาขุ่นข้นไหลรินๆออกมาแถบขอบทวารเป็นเม็ด หรือ แผลคันเปื่อยแสบ เหม็นคาว ให้ปวดเมื่อยชายกระเบนเหน็บและเสียวมดลูก มักเป็นลมวิงเวียน หน้ามืด เบื่ออาหาร หมายเหตุ : ตำราหลายเล่ม รวมทั้งเวชศาสตร์ฉบับหลวงได้บันทึก มุตกิต หรือ มุตกฤต มี 4 จำพวก ดังนี้ 1.น้ำที่ออกมาทางช่องคลอด เป็นโลหิตช้ำ ดุจปลาเน่า 2.น้ำที่ออกมาทางช่องคลอดเป็นโลหิตจาง ดุจน้ำชานหมาก 3.น้ำที่ออกมาทางช่องคลอด เป็นหนองจางๆดุจน้ำซาวข้าว 4.น้ำที่ออกมาทางช่องคลอด เป็นน้ำมูกเมือกไหลหยดย้อย อาการกระทำให้เจ็บ ให้ขัดไหลหยอดย้อยออกมา แล้วให้ปวดหัวเหน่า ขัดตะโพก แสบในอก บริโภคอาหารไม่รู้รส ทั้งนี้เกิดเพื่อโลหิตช้ำ ซึ่งในทฤษฎีทางการแพทย์แผนไทยไม่มีการตรวจเชื้อที่เป็นสาเหตุของอาการตกขาวเพื่อยืนยันเช่นเดียวกับทฤษฎีทางการแพทย์แผนปัจจุบัน)
วัตถุประสงค์
เพื่อศึกษาประสิทธิผลของตำรับยาแก้มุตกิดในผู้ป่วยที่มีอาการมุตกิดเป็นเวลา 2 สัปดาห์ โดยเปรียบเทียบความแตกต่างของคะแนนเฉลี่ยของผลการประเมินอาการหลังจากรับการรักษา และเปรียบเทียบสัดส่วนการเปลี่ยนแปลงของอาการก่อนและหลังรับการรักษา
วิธีดำเนินการ
คัดเลือกอาสาสมัครเพศหญิงที่มีอาการมุตกิดตามเกณฑ์การคัดเลือกอาสาสมัครเข้าร่วมโครงการ(inclusion criteria)ที่คลินิกแพทย์แผนไทย โรงพยาบาลนายแพทย์หาญ จังหวัดยโสธร จำนวน 30 คน อายุระหว่าง 20-45 ปี โดยผู้ป่วยจะรับประทานยาครั้งละ 1000 มิลลิกรัม (2แคปซูล) วันละ 2 ครั้ง ก่อนอาหารเช้า และเย็น สำหรับการเก็บรวบรวมข้อมูลจะใช้แบบสอบถามประเมินผลการรักษาเปรียบเทียบก่อนและหลังการรักษาในสัปดาห์ที่ 1 และ 2 โดยลักษณะแบบสอบถามเป็นแบบมาตราส่วนประมาณค่า 5 ระดับจาก 1 ถึง 5 เรียงลำดับจากน้อยที่สุดถึงมากที่สุด ตำรับยาสมุนไพรที่ใช้ในการศึกษาครั้งนี้ได้ผ่านการประเมินคุณภาพและทดสอบความเป็นพิษแล้ว
โดยด้านการประเมินคุณภาพ ประกอบด้วย การตรวจวิเคราะห์การปนเปื้อนของสเตียรอยด์ การตรวจการปนเปื้อนของโลหะหนัก การตรวจการปนเปื้อนจากยาฆ่าแมลงกลุ่มสารประกอบคาร์บาเมตและฟอสเฟตการตรวจการปนเปื้อนจากเชื้อจุลินทรีย์ การตรวจวิเคราะห์คุณภาพทางเคมี และการทดสอบความเป็นพิษเฉียบพลัน
ผลการศึกษา
จาการวิเคราะห์ทางสถิติ โดยการทดสอบทีอิสระ(dependent t-test)เปรียบเทียบผลก่อนและหลังการรักษาอาการมุตกิดในแต่ละสัปดาห์พบว่าค่าเฉลี่ยของอาการโรคมุตกิดของผู้ป่วยลดลงในสัปดาห์ที่ 1 และ 2 ตามลำดับอย่างมีนัยสำคัญ(ค่าพี<0.05)ส่วนค่าเฉลี่ยของประสิทธิผลของตำรับยาในการรักษาอาการมุตกิดของผู้ป่วยในแต่ละสัปดาห์มีค่าสูงขึ้นตามลำดับอย่างมีนัยสำคัญ(ค่าพี<0.05)อันแสดงให้เห็นประสิทธิผลในการรักาา โดยไม่พบอาการข้างเคียงของยาที่เป็นอันตรายและผู้ป่วยมีความพึงพอใจต่อการรักษา
ข้อสรุป
ตำรับยาแก้มุตกิจสามารถรักษาอาการมุตกิดของผุ้ป่วยได้อย่างมีประสิทธิผล